จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

สาระธรรมนำชีวิต__เพื่อความสุขที่ยั่งยืน


นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ, แปล : 
นโมตัสสะ, ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธองค์ ผู้ทรงพระคุณอันยิ่งพระองค์นั้น...  ภะคะวะโต, ผู้มีบุญล้นพ้นแจกมรรคผล ให้แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย...  อะระหะโต, พระองค์เป็นผู้ไกลจากกิเลสแล้ว  เป็นผู้ควรแล้วเป็นผู้หักเสียแล้ว ซึ่งกำกงสังสาระจักรแล้ว...  สัมมาสัมพุทธัสสะ, พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้ ซึ่งธรรมอันดีด้วยพระองค์เสร็จสิ้นโดยชอบ../


หะทะยัง (หััวใจ)  พระท่านไขว่าใจนานา  ใจขึงใจโกรธใจโทษโทสา  ใจมารแกล้วกล้าฆ่าสัตว์ทั้งหลาย  ใจมักเสียดส่อใจลวงใจล่อให้เขาลุ่มหลง  ใจมืดใจมัวหลงด้วยตัณหา  ใจดำนี้หนาเหมือนสัตว์เดรัจฉาน  ใจร้ายใจพาลไม่รู้ประมาณ  จะจมอยู่นานในจตุราบาย  ใจมักทำบุญให้คิดถึงคุณศีลทานมากหลาย  ให้แล้วให้เล่าข้าวน้ำมากมาย  ให้เร่งขวนขวายมุ่งหมายทุกวัน  ไหว้พระสวดมนต์จะได้กุศลผลบุญที่ทำ  ใจมักทำบุญด้วยใจศรัทธา  ใจนั้นสุภาพละอายต่อบาปความหยาบไม่มี  ซื่อสัตว์มั่นคงเจรจาสิ่งใดไพเราะนักหนาหาโทษโทสาก็หาไม่มี   ใจดังดวงแก้วส่องโลกโลกาให้ไกลจากตน  ผลกุศลที่ทำเราท่านเกิดมาไม่เป็นแก่นสาร  ขันตีเมตตาปราณีฝูงสัตว์ทุกวัน  เหนี่ยวเอามักผลให้พ้นกันดาร  แม้นสินอาสัญณ์ถึงชั้นใดๆ../ 


สาระธรรมคำกลอนพิจารณาชีวิต
            อันหญิงชายที่ได้เกิดเอากำเนิดในโลกา   มาทุกข์เวทนาทะระมาสังขารัง  เวียนว่ายในทุกข์ขังอนิจจังทุกรูปนาม  นั่งอยู่บนกองทุกข์หลงว่าสุขหลงว่างาม  นอนอยู่บนขวากหนามมันทิ่มตำทุกวันคืน  เหยีบย่ำบนกองทุกข์คิดว่าสุขทำหน้าชื่น  กองทุกข์ทั้งวันคืนมาใส่ไว้ในกายตัว  หลงทุกข์กินไม่อิ่มมัวหลงชิมหูตามัว  เก็บเข้าไว้ในใจตัวร้องว่ากลัวแต่คิดเอา  ทุกคนต่างกลัวทุกข์คิดไม่ถูกทุกข์ไม่เบา  ทุกข์นั้นไซร้ที่ใจเราทุกข์จะเอากลัวหลุดลอย  ทุกข์ไม่น้อยไม่ผ่อนคลาย  ของนอกกายคือตัวทุกข์  ไม่ใช่สุขตัวทุกข์โทรม  เหมือนดวงไฟที่ในโคมแสงแรงร้อนไม่ขอนใจ  ให้รู้จักพอประมาณอย่าทะยานจนเกินไป  ทั้งของกินและของใช้เหมือนดวงไฟเผาตัวเอง  ต้องอยู่ในศีลสัตย์ปฏิบัติให้ครัดเคร่ง  ตัวสุขอยู่ ในตัวเองไม่ต้องไป  หาไกลตัว  ความสุขในเรานี้เมื่อทำดีไม่ต้องกลัว  ความทุกข์คือความชั่ว  อยู่ในตัวเราเหมือนกัน  ชีวิตเรานี้มิได้มีตั้งกัปกัลป์  ย่อมวอดวายทำลายขันธ์  ตายในครรภ์ก็ถมไป../


      พิจารณากาย พิจารณาความตาย : อนิจจาร่างกายไม่ยืนนาน   ต้องถึงการมรณาน่าอาลัย   เมื่อยามถึงมรณาแสนอนาถ   ทรัพย์สมบัติเกลื่อนกลาดทั้งน้อยใหญ่   อีกลูกรักเมียรักดังดวงใจ   ไม่ตามไปอุ่นจิตต์สักนิดเลย   ต้องทิ้งไว้ได้แต่กอดมือไป..  โอ้ร่างเอยต้องไปสันโดดเดี่ยว   สุดจัเหลียวพึ่งใครที่ไหนเลย  จะพึ่งญาติพึ่งมิตรดังจิตหวัง  เมื่อยามถึงมรณังเขาก็เฉย   เดิมรักใคร่สนิทเคยชิดเชย   ครั้นตายเลยหันหลังไม่หวังชม   อนิจจาร่างกายไม่แก่นสาร  เกิดอยู่นานเฒ่าแก่แลไม่สม   เมื่อหนุ่มแน่นรุ่นสาวราวทรามชม   ก็นิยมรักกันเป็นขวัญใจ  ครั้นแก่เฒ่าหน้าเว้าผมขาวงอก   ปากเว้าวอกกายคู้หูยานใหญ่  เนื้อหนังเหี่ยวแห้งแรงน้อยถดถอยไป   โรคาภัยรุมกายมากเหลือหลาย  ทุกทั้งกายนั้นแท้มีแต่ทุกข์  อันความสุขจะมีที่ไหนเหวย  ส่วนตามืดหูหนักเอ็นชักเลย  โอ้ร่างเอ๋ยต้องเป็นอนิจจัง  ไม่เที่ยงแท้แก่เฒ่าล่วงเข้าเขต   แสนทุเรศใจตรมไม่สมหวัง  ความชรามรณะมาประทัง  อนัตตาเปื่อยพังมาสูญเปล่า  เกิดมาเท่าใดสูญเกลี้ยงกันเพียงนี้  ไพร่ผู้ผู้ดีต้องตายอย่าได้เขลา  ความเกิดแก่เจ็บเป็นของเรา  แม้ไม่เอาก็ไม่พ้นทุกคนไป  ต้องตั้งหน้าบำเพ็ญบุญถือศีลทานเป็นทุน  อย่าเหลวไหลเมื่อยามตายจะได้ติดตามไป  เลี้ยงกามัยให้สุขทุกเวลา  จนตราบเท่าเข้าถึงพระนิพพาน  อันสำราญบรมสุขทุกเวลา...
ธาตุ ๔ กองแตกดับแล้วกลับกลาย  เนื้อหนังกระดูกถูกกลับสิ้น  เป็นธาตุดินถมสุธาน่าใจหาย  เลือดน้ำตาธาตุน้ำมีในกาย  มากลับกลายเป็นน้ำไหลลามไป   อันธาตุลมทั้งหลายกลายเป็นลม  ธาตุไฟผสมกันขึ้นเป็นกองใหญ่  ธาตุไฟก็กลายเป็นธาตุไฟ สูญหายไปจากกายเมื่อวายชนม์  ขอให้หมั่สังเกตุตามเหตุการณ์  ทุกทุกท่านอย่าเว้นจะเห็นผล คือ เนื้อหนังเหี่ยวแห้งแรงของตน  ผมเส้นดำขลับกลับขาวไป   ฟันทั้งหลายมากมายกลับถอนหลุด  หูตามาพิรุตกลับเหลวไหล   ตามกล่าวนี้เมื่อได้สังเกตุไป ก็จะได้รู้สึกสำนึกตัว  แล้วกลับไปคำนึงถึงความตาย  ที่มาใกล้เราต้องพองหนังหัว  ให้้เห็นว่ายามตายไปแต่ตัว  ลูกเมียผัวเพื่อนมิตรไม่ติดไป....: 


ชีวิตเราท่านนับวันแต่ตาย  ควรรีบขวนขวายเลื่อมใสศรัทธา  อันความตายนั้นมันไม่รอถ้า  ควรรีบแสวงหาบุญญามรรคผล  แผ้วถางทางไว้เสียให้ทันการ  บำเพ็ญศีลทานก่อการกุศล  จักเป็นปัจจัยนิสัยแห่งตน  ตัดบ่วงข้ามพ้นจากสมุทัย  อย่าเพลินสนุกหลงทุกข์ฆ่าสัตว์  จงหมั่นกำจัดตัดความห่วงใย  อันทางโลกีย์จงหนีให้ไกล  เครื่องเศร้าหมองใจในกองทุกข์ขัง  อย่าหลงตัณหาจะพาใจชั่ว  ย่อมผูกพันพัวพาตัวหมดหวัง  กองอวิชชาเข้ามากำบัง  ตระตรึงรึงรั้งชั่งเวทนา  จงถือเอารัตนตรัยไว้เป้นอาจิณ  ตราบเท่าสูญสิ้นสำเร็จนิพพาน...: อนิจจาสังขาราชาวเราเอย  อยู่ได้ไม่นานเลยต้องขาดดิ้นสิ้นชีวี  ยามเป็นเห็นชัดๆแล้วมาตัดช่องน้อยหนี  ทิ้งข้างหลังนั่งโสกีย์ไม่ได้มีวันกลับมา  น้อยหรือมัจจุราชชั่งกริ้วกราดกระไรหนา  อัมหิตปลิดชีวาให้ขาดวับดับกระเด็น  นิ่งนอนเหมือนท่อนไม้ทั้งกลิ่นไอก็พลันเหม็น  เนื้ออุ่นๆมากลับเย็นย่อมไม่เป็นเหมือนเช่นเคย  เขารัดอกมัดแน่นไม่โกรธแค้น  นอนนิ่งเฉยใส่โลงไม่คับเลย  แล้วแต่ทำตามชอบใจ  ล่วงไปไม่กี่วันซากศพนั้นขึ้นพองใส  เน่าเหม็นเป็นพ้นไปน้ำเหลืองไหลไม่มีดี  ยามเป็นเห็นงามหลายถึงยามตายซิเกลียดหนี  รูปร่างทั้งอินทรีย์ชั่งสิ้นดีหมดทุกอัน../




Link: รูปโครงการบวชสามเณร ๗-๒๑เมษา๕๔  Link: รูปบวชสามเณรและอุบาสิกาแก้วที่๑๗เมษา-๑พค.๕๔   Link : รูปรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ